• carlo_v_8.jpg

ชีวิตที่พ้นตัว

โดย คุณพ่อบรรจง สันติสุขนิรันดร์

      ระเจ้าทรงประทานชีวิตให้แต่ละคนด้วยความรัก พร้อมกับชีวิตที่ทรงประทานให้
พระเจ้าทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้แต่ละชีวิตดำเนินไปด้วยความเต็มเปี่ยมครบครันและบรรลุเป้าหมาย
            อันที่จริงแล้ว พระเจ้าไม่ทรงประทานเฉพาะสิ่งจำเป็นให้แต่ละชีวิตเท่านั้น แต่ทรงประทานให้มากกว่าที่จำเป็น เพื่อให้มนุษย์ไม่เพียงมีชีวิตไปวันหนึ่งๆ ทว่าดำเนินชีวิตด้วยความสุข ความสุขสันต์หรรษา  ทั้งสำหรับตนเอง ทั้งสำหรับผู้อื่น เริ่มจากผู้ใกล้ตัว
       กระนั้นก็ดี แม้พระเจ้าทรงประทานทุกอย่างให้ทั้งที่จำเป็น ทั้งที่มากกว่าความจำเป็น
แต่ก็ขึ้นกับมนุษย์แต่ละคนที่จะบริหารชีวิตของตนอย่างไร
       บางคนก็บริหารชีวิตเพียงเพื่อตนเอง วันหนึ่งๆก็หมกมุ่นอยู่กับตนเอง ไม่เคยมองพ้นตัวเอง สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ก็นำมาใช้เฉพาะสำหรับตนเอง  ชีวิตจึงไม่ได้รับการพัฒนา และมีแนวโน้มว่าทุกอย่างที่พระเจ้าทรงประทานมาให้จะหมดไปทีละอย่างสองอย่างวิถีชีวิตก็จะถึงจุดจำเจ ทุกอย่างดำเนินไปเป็นอัตโนมัติ วนอยู่อ่าง
       บางคนก็บริหารชีวิตเพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่น เริ่มจากการพัฒนาชีวิตตนให้เต็มเปี่ยม
ในทุกด้าน ส่งผลให้คนรอบข้างได้รับและได้สัมผัสสิ่งดีงามของชีวิตที่เต็มร้อย  ชีวิตจึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ก็มีแต่เพิ่มพูนต่อยอดต่อดอกอย่างไม่สิ้นสุด เป็นชีวิตที่ไม่ดำเนินเพื่อตนเองเท่านั้น หากแต่พ้นตัวตนไปถึงผู้อื่น       คนจึงดำเนินชีวิตตามมุมมองชีวิตที่แต่ละคนมี
       หากมองว่าชีวิตมีเพื่อตนเอง พลังและศักยภาพทั้งหมดที่มีก็จะยึดผลประโยชน์แห่งตน
เป็นใหญ่ นอกจากจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแล้ว ยังไม่สามารถเป็นคริสตชนได้อย่างถึงแก่น เพราะแก่นชีวิตคริสตชนคือความรัก รักเพื่อนพี่น้องเหมือนดังที่พระเยซูเจ้าทรงรักตน
       หากมองว่าชีวิตมีเพื่อตนเองและเพื่อนพี่น้อง พลังและศักยภาพทั้งหมดก็มุ่งในการพัฒนาตนเองและใช้เพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น  นอกจากจะเป็นคนครบครันแล้ว
ยังเป็นคริสตชนสมบูรณ์แบบที่มีความรักเป็นที่ตั้ง

       การ์โลเดลลาโตร์เร มีมุมมองชีวิตที่ชัดเจนตั้งแต่ยังเยาว์วัย
       ชีวิตของการ์โลจึงเปิดกว้าง กับคนในครอบครัว กับเพื่อนร่วมวัย กับผู้อื่น

       ความสำนึกว่าชีวิตมนุษย์ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะดำเนินเพื่อตัวคนเดียว ทำให้การ์โลดำเนินชีวิตพร้อมกับคนอื่นและเพื่อคนอื่นกระทั่งกลายเป็นความรับผิดชอบต่อผู้อื่นในฐานะเพื่อนมนุษย์และในฐานะบุตรของพระเจ้าไม่เพียงแค่ด้านร่างกาย แต่รวมถึงด้านจิตใจ
       เป็นชีวิตที่มี “จิตสาธารณะ” อย่างที่พูดกันในยุคนี้
       ความสำนึกและความรับผิดชอบนี้ การ์โลแสดงให้เห็นได้เด่นชัดแม้ในช่วงที่เป็นทหารรับใช้ประเทศชาติเพราะการ์โลถือว่าเพื่อนทหารเป็นพี่น้องร่วมชะตากรรมเดียวกันและพร้อมจะให้การช่วยเหลือทุกอย่างที่ทำได้ ดังที่บันทึกในอัตชีวประวัติ

“บางคนเห็นพ่อไม่ค่อยออกจากค่ายในช่วงพักสองชั่วโมง
ก็ขอร้องให้พ่อเข้าเวรแทน 
พร้อมกับเสนอสิ่งตอบแทนให้ด้วย
พ่อมักจะตอบว่า สิ่งที่ทำให้ด้วยใจไม่คิดราคาค่างวดแต่อย่างใด
พวกเขาต่างรู้สึกพอใจ...”
(พ่อ:อัตชีวประวัติ หน้า 47)

       แม้จะเป็นการกระทำเพื่อเพื่อนทหารจะได้มีโอกาสพักผ่อนหย่อนใจ แต่เบื้องหลังการ์โลอยากจะเติมเต็มชีวิตของเพื่อนทหารในทุกอย่างที่ทำได้ แม้กระทั่งยอมเสี่ยงชีวิต
ดังที่บันทึกในอัตชีวประวัติ

“...พ่อแวะเยี่ยมทหารที่ป่วยเป็นไข้มาเลเรีย เห็นบางคนเศร้า อีกบางคนก็น้ำตานองหน้า
เพราะไม่มีน้ำดื่ม พวกเขาบอกพ่อว่าด้านหลังเนินเขามีบ่อน้ำที่ใช้ดื่มได้ แต่ลงไปตักน้ำอันตรายมาก เพราะเป็นบ่อน้ำใต้หุบเขาและบนเนินตรงข้ามมีทหารข้าศึกประจำการอยู่ 
แม้ระยะทางจากเนินเขาลงไปถึงบ่อน้ำประมาณ 50 เมตร แต่ทางขึ้นและลงนั้นชันมาก
ลำบากและตกเป็นเป้าของข้าศึก...พ่อปลีกตัวไปสวดเล็กน้อย
แล้วพูดกับเทวดารักษาตัวว่า

 ‘โปรดช่วยลูกให้ลงไปที่หุบเขา โปรดขอร้องเพื่อนเทวดาที่ดูแลทหารข้าศึกที่ประจำการอยู่เนินตรงข้ามทำให้ทหารวอกแวกและอย่าหันมามองทางเนินฝั่งนี้และบ่อน้ำ’
แล้วพ่อหยิบกระป๋องใหญ่และรีบลงไปที่บ่อน้ำ
พ่อไม่รู้สึกกลัวและรีบตักน้ำจนเต็มกระป๋อง .แล้วก็กลับขึ้นมาเต็มด้วยเรี่ยวแรง
เพียงไม่กี่นาทีพ่อก็มาถึงยอดเนิน ก่อนจะนำน้ำไปให้ทหารป่วยดื่ม
ขณะที่เพื่อนทหารกำลังดื่มน้ำแก้กระหาย พ่อก็สวดขอบคุณเทวดารักษาตัว...”
(พ่อ:อัตชีวประวัติ หน้า 78)

       จากความสำนึกในความรับผิดชอบต่อเพื่อนพี่น้อง กลายเป็นความสำนึกยิ่งใหญ่กว่านั้นเมื่อการ์โลตัดสินใจอุทิศตนทั้งครบเพื่อปวงชนในฐานะสงฆ์และธรรมทูต •