• monu_v201.jpg
  • monu_v202.jpg
  • monu_v203.jpg
  • monu_v204.jpg
  • monu_v205.jpg
  • monu_v206.jpg
  • monu_v207.jpg
  • monu_v208.jpg
  • monu_v209.jpg
  • monu_v210.jpg

อนุสาวรีย์...... เครื่องหมายแห่งรักและผูกพันธ์

แม้กาลเวลาจะผันผ่าน แต่ความรักและความทรงจำยังประทับมั่น ตราบนานเท่านาน.....

คำไว้อาลัยแด่คุณพ่อการ์โลที่รัก

ณ  สถานที่ที่เราพ่อ – ลูก ๆ เคยอยู่ร่วมกัน

12  เมษายน  1982

กราบแทบเท้าของคุณพ่อที่รักยิ่ง
วันเวลาและวินาทีที่พ่อจะต้องจากพวกเราไปนั้นใกล้เข้ามาทุกที
พวกลูกรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนักการสูญเสียพ่อไปครั้งนี้
นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกลูกธิดาพระราชินีฯ
ความอาลัยความทุกข์เศร้าและความว้าเหว่ที่พวกลูกได้รับนั้น
ไม่อาจจะกล่าวพรรณนาได้
พ่อเคยอยู่ใกล้ชิดกับพวกลูกเสมอทั้งยามทุกข์และยามสุข
อ้อมอกพ่อนั้นพร้อมเสมอที่จะให้พวกลูกได้อิงแอบรับปลอบขวัญ
ให้ความบรรเทาในยามทุกข์เศร้า
พ่อเป็นผู้นำเราเสมอจะร้อนหนาวเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
พวกลูกกล้าพูดได้เต็มปากว่าชีวิตทั้งชีวิตของพ่อนั้น
พ่อได้พลีเพื่อคณะอย่างสุดหัวใจ
พวกลูกยังจำได้พ่อ-ลูก ๆ เราเริ่มต้นคณะที่ศรีจันทร์
แล้วก็ขยายกิจการมาที่ตรอกจันทร์นี้
ระยะเริ่มแรกนั้นพ่อต้องลำบากมากมายสู้อดออมทุกอย่าง 

เราพ่อ – ลูก ๆ ช่วยกันทำงาน
ช่างไม้ ช่างปูน ขุดดิน ฟันหญ้า
เราทำกันทุกอย่างที่ช่วยให้พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อได้
พวกลูกรุ่นแรก ๆ นั้น  ยังไม่ลืมการเดินทางในสมัยโน้น
ทุกเช้า เราพ่อ-ลูก ๆ นั่งรถจากศรีจันทร์มาลงที่ตรอกพิกุล ถนนสาทร
จากนั้นพวกเราก็เดินด้วยเท้าผ่านเซ็นต์หลุยส์ซอย 3
ซึ่งสมัยก่อนนั้นยังเป็นสวนผัก
และทางที่พวกเราเดินก็เป็นแต่เพียงคันดินเหนียว
เมื่อยามฝนตกทางนั้นก็เป็นโคลนเลนหาที่เดินแทบไม่มี
พ่อก็ไม่ย่อท้อ  ย่ำเท้าเปล่า  มือหนึ่งหิ้วรองเท้าอีกมือหนึ่งถือสายประคำ
พวกเราก็เดิมตามเป็นแถวลื่นบ้างล้มบ้าง
บางคนชักจะไปไม่ค่อยไหว
พ่อก็จะช่วยพยุง ยิ้มพูดให้กำลังใจ และก้าวเดินต่อ
พวกเราต้องเร่งรีบ  ไปให้ทันเวลากับงานที่กำลังรออยู่
พ่อมักจะเตือนพวกเราเสมอว่า “ งานและภาวนา “
เป็นหน้าที่ของเรา
บางครั้งพวกเราก็เหน็ดเหนื่อยหมดกำลังจริง ๆ
แล้วก็พ่ออีกนั่นแหละที่คอยสอดส่อง
เสริมกำลังให้ใหม่  พ่อเป็นผู้นำเราในทุกกิจการ
และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา……..

จนกระทั่งมาระยะหลัง ๆ นี้
สุขภาพของพ่อทรุดโทรมลงมาก
พ่อได้รับความทรมานจากแผลที่จมูกเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
และเมื่อพ่อไม่มีกำลังที่จะทำงานใด ๆ ได้แล้ว
พ่อก็ใช้เวลาในการสวดภาวนา
อาวุธประจำตัวของพ่อคือสายประคำ
พ่อจะเตือนพวกเราเสมอเตือนแล้วย้ำอีก
ให้สนใจในการสวดลูกประคำ
พ่อมักจะถามผู้ที่มาเยี่ยมท่านบ่อย ๆว่า
“สวดลูกประคำวันละกี่สาย”
ชีวิตของพ่อเต็มไปด้วยความรักความศรัทธาต่อแม่พระเป็นพิเศษ

ที่สุดพ่อก็ล้มเจ็บลงอาการหนัก
ต้องเข้าโรงพยาบาลพอค่อยทุเลาหน่อยก็ขอกลับบ้าน
มาอยู่บ้านได้ไม่กี่วันก็เป็นอีก
ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลใหม่ เข้า ๆ ออก ๆ เช่นนี้เป็นปี ๆ
จนมีคนเอ่ยปากกันหลายคนว่า
พวกเราทำไมจึงทรมานพ่อนัก
สวดขอแม่พระให้พ่ออยู่กับพวกเราต่อไปอีก
แต่ใครเล่าจะเข้าใจพวกลูกได้ว่า
ถึงแม้พ่อจะช่วยทำอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม
เพียงแต่รู้ว่า  พ่อยังอยู่กับพวกเรา
พ่อใช้เตียงนอนเป็นเสมือนธรรมมาสน์เทศน์สอนพวกเรา
ด้วยแบบฉบับของพ่อย่างเงียบ ๆ
สิ่งเหล่านี้ก็พอเป็นกำลังใจให้เรา
พร้อมที่จะสู้กับอุปสรรคและก้าวเดินต่อไป………..

แต่แล้ว…พวกเราก็หนีธรรมชาติไปไม่พ้น
พ่อได้เข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1981
ต้องทรมานอยู่บนเตียง
เป็นความทรมานที่พวกเราไม่อาจเข้าใจว่า
พ่อทนกับความเจ็บปวดนั้นได้อย่างไร
เพราะนอกจากแผลที่จมูกซึ่งโรคร้ายได้กัดกินจนหมดสิ้นแล้ว
พ่อยังมีแผลที่หลัง ที่ขา ซึ่งแต่ละแห่งทั้งกว้างทั้งลึก
เพิ่มความเจ็บปวดแก่พ่อยิ่งนัก
และทั้ง ๆ ที่ต้องทรมานเช่นนั้นพ่อก็ยังมีความร่าเริง
ไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดใด ๆ
จากการตรวจของแพทย์
หัวใจของพ่อยังแข็งแรง
พ่อมีกำลังในที่เข้มแข็งไม่ทิ้งชาติทหาร
แต่ร่างกายซิทรุดโทรมลงมาก
พ่อทานไม่ได้จึงมีแต่ผอมลง..ผอมลง..
จากร่างกายที่สูงสง่าสมส่วน

มาบัดนี้พ่อเหลือแต่หนังหุ้มโครงกระดูก
แต่พ่อก็พยายามสู้ทน.ทน..จนที่สุด..
สุดที่พ่อจะทนต่อไปได้แล้ว
เย็นวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 1982 เวลา 18.45 น.
พ่อจึงได้ลาจากพวกเราไปอย่างสงบ
จากทุกอย่างที่ชีวิตของพ่อเคยสัมผัส
พ่อปล่อยพวกเราไว้เป็นกำพร้า
ให้อยู่เพื่อต่องานที่พ่อได้เริ่มไว้ให้นั้น 

โอ..พ่อจ๋า..ขอพ่อจงหลับอย่างสงบเถิด
พวกลูกจะไม่ทิ้งพ่อไปพ่อจะยังคงอยู่เคียงข้างพวกลูกต่อไป
จากสายประคำที่พ่อเคยพร่ำสอนนั้น
จะเป็นดังสายโซ่ที่รัดพวกลูกไว้กับพ่อเสมอ
ทุกกิจการ  และทุกย่างก้าวของพวกลูก
จะมีพ่ออยู่ในความทรงจำตลอดไป…

บัดนี้…ถึงเวลาพักผ่อนของพ่อแล้ว…
ขอพ่อจงหลับเถิด  หลับ…หลับในพระเป็นเจ้า
และในอ้อมพระหัตถ์ของพระแม่มารี
ผู้เป็นที่รักยิ่งของพ่อตลอดกาล……

โอ้พ่อจ๋า…ต่อแต่นี้ไม่มีแล้ว
สำเนียงแว่วปลอบขวัญรำพันสอน
หมดสิ้นรักสิ้นแววตาเคยอาทร
ยามพ่อจรจากดับลับชีวี

จากศรีจันทร์นั้นมาสะพานสาม
ลูกก้าวตามต้อยต้อยรอยวิถี
แล้วจู่จู่พ่อแรมร้างกลางพงพี
ใจลูกนี้ที่ร้าวรานจะปานใด

ดังเรือน้อยลอยคว้างกลางสมุทร
พ่อเคยฉุดชักใบไม่หลงใหล
โอ้พ่อจ๋า…ครานี้จะหาใคร
เป็นหลักมั่นประกันภัยให้ “ธิดาฯ”

เหลือเพียงรอยอาลัยย้ำใจเศร้า
เหลือเพียงเราลูกน้อยละห้อยหา
เหลือเพียงที่ถ้าสวรรค์นั้นเมตตา
ขอวิญญาณพ่อพิทักษ์รักเหมือนเดิม

จากพวกลูก
ธิดาฯ น้อย ๆ ของคุณพ่อ