• auto_v901.jpg
  • auto_v902.jpg
  • auto_v903.jpg
  • auto_v904.jpg
  • auto_v905.jpg
  • auto_v906.jpg

ทหารเสียชีวิตในแนวหน้า

มีทหารบางคนตายเพราะลูกปืน
แต่หลายคนต้องตายเพราะไข้มาเลเรียเหลือง
เมื่อมีทหารหรือนายทหารคนใดคนหนึ่งติดเชื้อมาเลเรีย
จะมีการประกาศว่าทหารหรือนายทหารผู้นั้นถูกปลดประจำการ
ภายในเวลา 3 เดือนทหารและนายทหารแนวหน้า
ลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย
ทหารอัลบาเนีย (Albania) จึงแทบไม่ต้องทำสงคราม
เพราะไข้มาเลเรียเหลืองฆ่าทหารอิตาเลียนจนแทบหมด
ถึงจะมีคำสั่งให้แพทย์ทหารใช้ยาควินินรักษาและพ่นยาแต่ก็ไร้ผล
มีการตั้งเต็นท์พยาบาลใต้ต้นมะกอก
ทหารเกือบทุกคนต้องเข้านอนพักรักษาตัว
ส่วนทหารที่เหลือไม่กี่คนก็ต้องเข้าเวรตลอดเวลา
จึงเหนื่อยและท้อแท้  บ่อยครั้งก็หิวโซ
เพราะทหารที่มีหน้าที่ขนเสบียงก็ล้มป่วยด้วย
เสบียงจึงมาไม่ถึงแนวหน้า
เลยต้องทานแต่อาหารกระป๋องและขนมปัง
ส่วนน้ำก็มีไว้สำหรับดื่มอย่างเดียว
มีไม่พอสำหรับล้างหน้าหรือล้างมือ
แม้แต่เครื่องแบบทหารที่ใส่อยู่ก็ไม่มีการซัก
ซ้ำร้ายยังเสี่ยงที่จะล้มป่วย
หรือถูกทหารข้าศึกโจมตีได้ทุกเวลา
เดชะบุญที่ทหารข้าศึกไม่ได้มารังควาญเรา
พ่อคิดว่า ถ้าเรารู้จักอดทนทุกสิ่งเหล่านี้
เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้า
สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยชำระจิตวิญญาณเราให้บริสุทธิ์
เพราะในโลกนี้มนุษย์ไม่สามารถดำเนินชีวิต
ที่บรรดานักบุญดำเนินอยู่ในสวรรค์ได้

ผลกระทบไม่ดีนัก
ไข้มาเลเรียคร่าชีวิตทหารในแนวหน้าไปมากต่อมาก
ในเวลาเดียวกัน ทหารที่ไม่ป่วยก็ต้องทำงานหนักขึ้น
จากที่ต้องเข้าเวรวันละ 2 ชั่วโมงกลายเป็น 4

มีทหารคนหนึ่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายทหารอีกคนหนึ่ง
ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนหญ้าแห้งทำให้ไฟลุก
แรงลมโหมและกระพือไฟให้ลุกลามไปทั่ว
แทนที่ผู้บังคับกองจะสั่งให้ทหารคนนั้นดับไฟ
กลับวิ่งมาบอกพ่อให้สั่งทหารของพ่อไปดับไฟแทน
พ่อก็บอกเขาว่า “ใครจุดไฟก็ให้เขาดับมัน
ตอนนี้เป็นเวรของทหารของคุณ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้บังคับกองไม่พอใจ
เอามือกุมปืนสั้นทำท่าข่มขู่
พวกทหารของพ่อ พอได้ยินเรื่องราว
และเห็นท่าทีของผู้บังคับกอง
ก็พากันถือปืนออกจากเต็นท์และเล็งไปยังหน้าอกของผู้บังคับกอง
พร้อมกับบอกให้เขาเก็บปืนและออกคำสั่งให้ทหารของเขาไปดับไฟ
ผู้บังคับกองเห็นเช่นนั้นก็ยกมือขอโทษและก็สั่งทหารคนนั้นไปดับไฟ 

ผู้บังคับกองผู้นี้มักจะเข้มงวดกับทหารใต้บังคับบัญชา
และปฏิบัติกับพวกทหารเหมือนเป็นคนใช้
การกระทำของพ่อครั้งนี้ต้องการให้นายทหารผู้นั้น
รู้จักมองทหารทุกคนเป็นพี่น้อง มีสิทธิทุกอย่างเหมือนเขา
การที่ทหารของพ่อเล็งปืนไปที่หน้าอกของผู้บังคับกอง
เป็นการบอกให้เขาสำนึกว่า
ในยามสงครามไม่มีนายทหารหรือทหาร
มีแต่ความเป็นพี่เป็นน้องในครอบครัวเดียวกันที่กำลังเผชิญความตายอยู่      

กลายเป็นเด็ก
การที่มีคำสั่งให้เพิ่มเวลาเข้าเวรทั้งกลางวันและกลางคืน
ทำให้นายทหารผู้บังคับกองหงุดหงิด หวาดกลัว
ทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทำตัวเหมือนเด็ก 
วันหนึ่งพ่อเข้าเวรตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงตีสอง
เมื่อออกเวรแล้วพ่อและทหารก็เข้าไปพักในเต็นท์
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยหลังจากที่ต้องเดิน 4 ชั่วโมง
เพื่อไปตรวจทหารที่ประจำอยู่ตามจุดสังเกตการณ์ต่างๆ  

พ่อสวดเล็กน้อยแล้วหลับไป  ทันใดนั้นพ่อรู้สึกว่า
มีคนมาดึงเท้าพ่ออย่างแรง
ตอนแรกพ่อก็คิดว่าเป็นงูใหญ่มารัดเท้า
พ่อจึงคว้าปืนมาถือไว้  ตอนนั้นมืดมาก  มองไม่เห็นอะไร
แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีคนมาดึงขาพ่ออยู่
พ่อจึงลุกยืนและพยายามมองว่าอะไรที่มาดึงขาพ่อ
ที่สุดก็เห็นว่ามีเชือกยาวมัดขาอยู่
ส่วนปลายเชือกนั้นเชือกโยงไปที่พุ่มไม้
พ่อคิดทันทีว่าเป็นฝีมือของทหารข้าศึก
จึงเล็งปืนไปที่พุ่มไม้ พร้อมจะยิง
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาอิตาเลียนว่า
“อย่ายิง  ผมเอง”
พ่อมองไปในความมืดก็เห็นเงาคนชูมืออยู่เหนือศีรษะ
และตรงมาที่เต็นท์ของพ่อ  พ่อยังคงเล็งปืนไปทางเงานั้น
พร้อมกับตะโกนถามว่าเป็นใคร
“ผมผู้บังคับกอง เพื่อนคุณเอง”
เสียงตอบ  “ขออภัย ผมกลัวมาก”  

เช้าวันรุ่งขึ้น ทหารไปรษณีย์ได้นำคำสั่ง
ให้พ่อไปรายงานตัวในสถานที่ห่างจากแนวหน้าประมาณ 1 กิโลเมตร
พ่อออกเดินทางทันที  และแวะเยี่ยมทหารที่ป่วยเป็นไข้มาเลเรีย
เห็นว่าบางคนเศร้า อีกบางคนก็น้ำตานองหน้า
เพราะไม่มีน้ำจะดื่ม
พวกเขาบอกพ่อว่าด้านหลังเนินเขามีบ่อน้ำที่ใช้ดื่มได้
แต่ทางที่จะไปนั้นเต็มด้วยอันตรายเพราะมีทหารข้าศึกประจำอยู่
แม้ระยะทางจากเนินเขาลงไปถึงบ่อน้ำประมาณ 50 เมตร
แต่ทางขึ้นและทางลงนั้นชันมาก และเป็นเป้าให้ข้าศึกได้ชัดเจน
เมื่อเห็นเช่นนั้นพ่อก็ปลีกตัวไปตั้งหลักและพูดกับเทวดารักษาตัวว่า
“โปรดช่วยลูกให้ลงไปที่หุบเขา
โปรดบอกเพื่อนเทวดากำลังดูแลทหารฝ่ายข้าศึก
ทำให้ทหารวอกแวกและอย่าหันมามองทางเนินและบ่อน้ำ”
แล้วพ่อก็หยิบกระป๋องใหญ่และรีบลงไปที่บ่อน้ำ
พ่อไม่รู้สึกกลัวและรีบตักน้ำจนเต็มกระป๋อง
แล้วก็กลับขึ้นมา เพียงไม่กี่นาทีพ่อก็มาถึงยอดเนิน
ก่อนจะนำน้ำไปให้ทหารป่วยดื่ม
ในขณะที่เพื่อนทหารกำลังดื่มน้ำอยู่
พ่อก็สวดขอบคุณเทวดารักษาตัว
หลังจากนั้นก็ล่ำลาทหารป่วย และรีบเร่งฝีเท้าไปรายงานตัว