• auto_v501.jpg
  • auto_v502.jpg
  • auto_v503.jpg

จุดหมายปลายทางใหม่

จุดหมายปลายทางใหม่
ของทหารอาสาสมัครหน่วยจู่โจมคือแนวหน้า
ระยะทาง 50  กิโลเมตรจากการรบ
เมื่อไปถึงพวกเราได้รับการต้อนรับอย่างฉันท์พี่น้องจากนายทหาร
และทหารจู่โจมใหม่
สิ่งแรกที่พ่อทำคือเปลี่ยนเครื่องแบบทหาร
เครื่องแบบทหารจู่โจมเบากว่าเครื่องแบบทหารธรรมดา
เหมาะสำหรับการเคลื่อนตัวที่รวดเร็วการวิ่ง

การกระโดดข้ามคลองที่เต็มด้วยน้ำกว้างสาม สี่ ห้า เมตร
การกระโดดเริ่มต้นจาก 2 เมตรก่อน
ส่วนการกระโดดลงมาที่ลาดชันระยะทาง 10 เมตร
ซึ่งต้องใช้ความยืดหยุ่นของเท้าเป็นหลัก
คนที่กระโดดจากที่สูงลงมาที่พื้น
จะต้องไม่หยุดนิ่งเหมือนคนตาย
แต่จะต้องกระโดดขึ้นและลง
เหมือนกับว่าขาไม่ได้เป็นเนื้อและกระดูก
การฝึกฝนร่างกายของทหารจู่โจมทำให้เขาว่องไว
รวดเร็ว  และเบา
ในช่วงแรกที่เราฝึกเรารู้สึกหนักเหมือนเต่า
จึงต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฝึกฝนให้บรรลุเป้าหมาย

การเดินแถวของเราจะเดินด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว
เริ่มเดินระยะ 50 กิโลเมตรต่อวัน
แล้วนั้นก็ค่อยๆเพิ่มระยะทางให้เป็น 10
จนกระทั่ง 20 กิโลเมตร ต่อ วัน
ทุกวันเมื่อเราเดินแถวก็จะมีการสลับกับการวิ่ง
หลังจากฝึก 1 ชั่วโมงเต็มแล้ว
นายทหารก็จะสั่งให้เราพัก 20 นาที
ในช่วงที่พักนั้น  นายทหารก็จะไปอยู่ตามแถวทหารจู่โจม
ซึ่งทำให้ในช่วงพักพวกเรารู้สึกพวกเราทุกคนเสมอภาคกัน
ไม่มีการแตกต่างระหว่างนายทหารและพลทหาร
ในแผนกทหารจู่โจมบรรดานายทหาร
ชอบให้พวกเราเรียกพวกเขาเป็นพี่ใหญ่
ซึ่งพวกเขาแสดงให้เห็นอย่างนั้นด้วยการกระทำ
แม้ในช่วงเราฝึกและในช่วงที่อยู่ในสงคราม  

ในภาวะสงครามนักบวช  สามเณร
พระสงฆ์พื้นเมือง และพระสงฆ์นักบวช
ถูกเกณฑ์เป็นทหารผู้บังคับบัญชากองจู่โจมของเรา
ไม่เคยพูดถึงสถานะชีวิตของทหารก่อนสงคราม
แต่วิธีการดำเนินชีวิตและการพูดบอกให้รู้ว่า
เขาไม่ใช่เป็นฆราวาสธรรมดา
เขามีแต่พูดว่าเราจะต้องดำเนินชีวิต
ในฐานะทหารจู่โจมอย่างไร เช่นว่า
“ทหารจู่โจมเป็นทหารอาสาสมัคร
กองพันทหารจู่โจมประกอบด้วยทหารอาสาสมัคร
ดังนั้น ต้องพร้อมที่จะดำเนินชีวิตที่ดีงาม
ปราศจากความอ่อนแอ  ชีวิตหนุ่มและฉลาด
ที่จะต้องเคารพตนเอง  เคารพร่างกายของตน
และร่างกายของคนอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลต่างเพศ

ทหารจู่โจมต้องดำเนินชีวิตบริสุทธิ์
เพราะในยามสงครามทหารจู่โจมต้องกล้าหาญ
เฉพาะคนที่มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์
และร่างกายสมบูรณ์ จึงจะมีความกล้าหาญได้อย่างแท้จริง
เพราะพวกเขามีร่างกายสมบูรณ์และจิตวิญญาณที่สงบ
ทหารจู่โจมที่ดีและกล้าหาญ
ต้องมองเห็นบุคคลต่างเพศเป็นแม่
เป็นพี่ หรือน้องสาว  และมีความเคารพที่ศักดิ์สิทธิ์ต่อพวกเขา
ทหารจู่โจมจะไม่ลดตัวลงมา
ทำให้กลิ่นหอมแห่งความงดงามของผู้หญิงต้องเสื่อมเสีย
ผู้หญิงสวยก็คือพี่สาวหรือน้องสาวของเขา
ฉะนั้นจึงต้องให้ความเคารพ

ทหารจู่โจมต้องรู้ว่าในร่างกายของบุคคลต่างเพศ
มีดวงวิญญาณซึ่งเป็นพระฉายาลักษณ์ของพระผู้สร้างและเป็นอมตะ
ทหารจู่โจมที่แท้จริงจะมีความเคารพต่อทุกคนทั้งชายและหญิง
ความเคารพของเขานั้นแสดงออกมาในความรัก
ดังนั้นสำหรับเขามนุษย์ทุกคน
คือพี่น้องร่วมมนุษยชาติแม้ในสงคราม
ถ้าข้าศึกบาดเจ็บหรือยอมแพ้
เขาก็หยุดที่จะเป็นศัตรู
และกลับเป็นพี่น้องแห่งครอบครัวมนุษย์ด้วยกัน

ความรักแรกของทหารจู่โจม
ก็คือการปกปักรักษาตนเองทั้งจิตใจและร่างกาย
ทหารจู่โจมที่มีจิตใจบริสุทธิ์และร่างกายสมบูรณ์
ก็จะรักตนเอง และรักผู้อื่นทั้งสองเพศ
ในสิ่งที่ดีบริสุทธิ์และสมบูรณ์
ทหารจู่โจมที่แท้จริงจะไม่ลดตัวเองลงมาเยี่ยงสัตว์
จะไม่ตัวลงมาเพื่อทำลายดอกไม้
ที่มีกลิ่นหอมของบุคคลต่างๆไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด
ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน  เขาจะมีความสำนึกอยู่เสมอว่า
เขาเป็นทหารจู่โจมไม่เพียงในชื่อแต่ในจิตใจ
เพราะเหตุนี้เขาจะต้องใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เพราะเขาเป็นคนมีจิตใจบริสุทธิ์
และสมบูรณ์เต็มด้วยความรักต่อตนเองและผู้อื่น
ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนดีหรือคนเลว”      

การเตรียมจู่โจม

ความกังวลอย่างแรกของผู้บังคับบัญชาการหน่วยทหารจู่โจม
คือความปลอดภัยของทหารจู่โจมแต่ละคน
สงครามเป็นสิ่งเลวร้ายเพราะมันทำลายชีวิตทั้งกายและวิญญาณ
และบ่อยครั้งก็ซึ่งไร้มนุษยธรรมและเต็มด้วยความเหี้ยมโหด
ทหารที่อยู่ในสนามรบที่ต้องเห็นเลือด
และความตายของเพื่อนทหารมักจะเกิดความรู้สึกว้าวุ่นใจ
โกรธแค้น  และลืมความเป็นมนุษย์ไปชั่วคราว
ผู้บังคับบัญชาของเราซึ่งเคยผ่านสนามรบมาหลายครั้ง
ถือเป็นหน้าที่ที่จะเตรียมจิตใจของเรา
สำหรับเหตุการณ์โหดร้ายของสงคราม

ท่านมักจะเตือนเราว่าสิ่งแรกและสำคัญกว่าหมด
คือเตรียมการจู่โจม
ทำลายอุปสรรคและตัดรั้วลวดหนาม
รั้วลวดหนามคือโลหะที่พันเป็นหนามเหล็ก
ซึ่งผูกร้อยเป็นเส้นยาวหรือไม่ก็ทำเป็นกองสูง
ราว 2 เมตร กว้าง 4 -5 เมตร  เกี่ยวกันแน่น
แม้กระทั่งแมวก็ไม่สามารถลอดผ่านไปได้ 
ดังนั้น การข้ามกองลวดหนาม
จึงเป็นปัญหาและต้องเสี่ยงชีวิตไม่น้อย 

เพื่อจะข้ามลวดหนามได้
ต้องพาดไม้กว้างและยาวทับลวดหนาม
และเดินข้ามเหมือนข้ามสะพาน
ตกกลางคืนทหารจู่โจมก็ตั้งแถว
และหมอบราบติดพื้นพร้อมจู่โจม
ทหารแต่ละคนจะหมอบอยู่ห่างจากกระดาน
ที่ตั้งไว้ประมาณ 10 เมตร
และเมื่อมีคำสั่งให้จู่โจม
แต่ละคนก็จะลุกขึ้นแล้ววิ่งขึ้นบนกระดาน
และกระโดดเข้าแดนศัตรูด้วยความรวดเร็ว
ก่อนเริ่มการบุกเข้าประชิดตัวทหารข้าศึกที่หลับอยู่
ผู้บังคับบัญชาของเราพยายามที่จะรักษาชีวิตทหาร
ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
จึงได้ค้นคิดวิธีการเพื่อให้ทหารผ่านลวดหนาม
แทนที่จะใช้ไม้พาดเพื่อผ่านเข้าไปในค่ายทหารข้าศึก
ท่านใช้วิธีตัดลวดหนามด้วยกรรไกรใหญ่
เพื่อทำเป็นช่องให้ทหารคลานผ่า
ทุกอย่างต้องทำในความเงียบและในช่วงเวลากลางคืน
กระนั้นก็ดี การเข่นฆ่ายังคงมีต่อไปชีวิตคน
ชีวิตพี่น้องที่เจ้าตัวหวงแหนและอยากจะรอดกลับไปบ้าน